5 ประกันสามัญพื้นฐาน


     



5 ประกันสามัญพื้นฐานที่่ควรมี
อาจจะมีหลากหลายเหตุผลด้วยกันที่ทำให้ทุกวันนี้คนไทยยังมีอัตราการทำประกันไม่มากนัก ทั้งที่รอบตัวเราเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ แต่ปัญหาที่พบกันอยู่บ่อยๆ คือการขาดความเข้าใจในพื้นฐานของการทำประกันชีวิตอย่างแท้จริง มาดูกันว่าประกันพื้นฐานประเภทไหนบ้างที่คุณควรจะมี

ประกันชีวิต
     รอบตัวนั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยง แนะว่าคุณน่าจะให้ความสำคัญกับการทำประกันชีวิตมากเข้าไว้ เพราะการทำประกันชีวิตก็คือการวางแผนป้องกันความเสี่ยงภัยด้านรายได้ในอนาคตข้างหน้า ที่ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า จริงอยู่วันนี้คุณอาจจะยังมีหน้าที่การงาน มีเรี่ยวแรงเพียงพอที่จะทำมาหากิน มีรายได้ที่เลี้ยงดูครอบครัวได้ แต่วันข้างหน้าอาจจะเกิดอุบัติเหตุชีวิตขึ้นกับคุณ การทำประกันชีวิตจึงช่วยรับมือกับเรื่องร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ข้อสำคัญช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
หรือถ้าคุณเป็นพวกที่ "อยากได้ทั้งความคุ้มครองและออมเงินไปด้วย" เพราะไม่แน่ใจว่าพอแก่ตัวไปแล้ว จะมีลูกหลานมาคอยเลี้ยงดูเราหรือเปล่า ถ้าโจทย์ของคุณเป็นแบบนี้ การทำประกันแบบตลอดชีพ ก็น่าจะเหมาะกับคุณ การทำประกันแบบนี้ เป็นแบบที่ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ โดยมากระยะเวลาในการชำระเบี้ย มีตั้งแต่ 15 ปีไปจนถึง 30 ปี แบบนี้นี่แหละที่ให้ทั้งความคุ้มครองและออมเงินไปในตัว วิธีนี้จะดีในแง่ที่คุณสามารถขอเวนคืนกรมธรรม์ได้ ซึ่งก็จะได้เงินสดมาจำนวนหนึ่งไว้ใช้จ่ายยามเกษียณ



ประกันสุขภาพ
     ประกันสุขภาพเป็นอีกอย่างที่แนะนำว่าทุกคนควรมีไว้ แม้ทุกวันนี้บริษัทหลายแห่งจะมีสวัสดิการที่ดูแลค่ารักษาพยาบาลให้พนักงานไว้อยู่แล้ว แต่ก็อาจไม่เพียงพอที่รับมือกับภาระค่าใช้จ่ายที่มีโอกาสเกิดขึ้น ยิ่งคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปควรจะทำประกันสุขภาพ ซึ่งการทำประกันสุขภาพนั้นจะประกอบด้วยความคุ้มครองหลายอย่าง เช่น ค่ารักษาพยาบาลซึ่งเป็นหลักสำคัญที่ควรมีไว้ โดยค่ารักษาพยาบาลควรจะครอบคลุมทั้งค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บและเกิดจากอุบัติเหตุ จะประกอบไปด้วย ค่าห้อง ค่ายา ค่าอาหาร ค่าเอกซเรย์ ค่าแล็บ ค่าห้องผ่าตัด ค่าผ่าตัด และค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินกรณีอุบัติเหตุและเป็นคนไข้นอกที่ไม่ได้นอนโรงพยาบาล ซึ่งก็จะมีกำหนดวงเงินสูงสุดต่อครั้งเอาไว้
     นอกจากนี้ก็ควรมีค่าชดเชยรายวัน เป็นค่าเสียเวลาหรือค่าเสียโอกาสที่เราต้องสูญเสียไปในกรณีที่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล บริษัทจะจ่ายให้ตามจำนวนวันที่นอนรักษาอยู่ในโรงพยาบาลเป็นจำนวนเงินตามลักษณะประกันที่เราซื้อไว้ แต่จะมีการกำหนดว่าจ่ายสูงสุดไม่เกินกี่วันซึ่งเงินส่วนนี้อาจนำมาจ่ายเป็นค่ารักษาส่วนเกินหรือเป็นเงินสำรองของเราได้ และอีกอย่างหนึ่งที่พจนีแนะนำว่าควรจะครอบคลุมก็คือ โรคร้ายแรง เป็นการคุ้มครองเพิ่มเติมในกรณีที่เป็นโรคมะเร็งหรือโรคร้ายแรง เช่น ตับแข็ง ถุงลมโป่งพอง ฯลฯ โดยจะได้รับการคุ้มครองในกรณีเสียชีวิตหรือได้รับค่ารักษาพยาบาล คนที่ซื้อประกันโรคมะเร็งก็มักจะเน้นผลประโยชน์ค่ารักษามากกว่าการสูญเสียชีวิต
     การซื้อประกันสุขภาพไม่ควรซื้อค่ารักษาพยาบาลซ้ำซ้อน เพราะการเบิกจะใช้ใบเสร็จตัวจริงโดยไม่สามารถเบิกซ้ำได้ และควรทำประกันสุขภาพตั้งแต่ตอนที่สุขภาพแข็งแรงดี เพราะเมื่อกำลังจะเป็นหรือเป็นโรคใดโรคหนึ่งแล้วบริษัทประกันก็จะไม่รับหรือรับแต่ไม่คุ้มครองโรคที่เป็นอยู่ อีกทั้งหากทำประกันตอนอายุมากค่าเบี้ยประกันก็จะแพงแถมโอกาสที่จะรับทำประกันก็น้อย แต่สำหรับใครที่บริษัทมีสวัสดิการให้ค่ารักษาพยาบาลดีอยู่แล้วอาจจะไม่จำเป็นต้องซื้อประกันสุขภาพก็ได้


ประกันบ้าน
     เพราะบ้านเป็นทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่มีค่าและสำคัญมาก แต่ไม่ว่าเราจะมั่นใจแค่ไหนก็อาจจะถูกบุกรุกคุกคามได้หลายรูปแบบ เช่น อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดหวัง,ลมพายุ,อุบัติเหตุจากยานพาหนะ,อัคคีภัย เป็นต้น โดยประกันภัยบ้านบางประเภทไม่เพียงคุ้มครองบ้านเท่านั้นแต่ยังรวมถึงทรัพย์สินส่วนบุคคลด้วยซึ่งมีหลายระดับให้คุณได้เลือกใช้
"การทำประกันอัคคีภัยให้กับบ้านและทรัพย์สินของคุณเป็นสิ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจและสามารถแก้ปัญหาให้คุณได้ หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันกับบ้านของคุณ เบี้ยประกันอัคคีภัยบ้านที่บริษัทประกันทั้งหลายจะคิดกับคุณนับเป็นจำนวนเงินที่น้อยมากเมื่อเทียบกับราคาบ้านของคุณทั้งหลัง"

ประกันรถยนต์
     สำหรับผู้ที่มีรถยนต์เป็นสมบัติส่วนตัวนั้นควรจะมีไว้ เพราะจะทำให้คุณอุ่นใจได้ว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุประกันก็จะช่วยคลี่คลายเรื่องยุ่งยากไปได้ระดับหนึ่ง โดยการเลือกบริษัทสำหรับการประกันรถยนต์นั้นประการแรกน่าจะดูที่การให้บริการ เพราะมีหลายกรณีที่เจ้าของรถอยากจะซ่อมให้ดีที่สุด ขณะที่ฝ่ายบริษัทประกันก็อยากจะจ่ายให้ถูกที่สุด ฉะนั้นก่อนเลือกบริษัทประกันจึงควรหาข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการของบริษัทที่รับประกันนั้นให้ละเอียด หรือสอบถามผู้ที่มีประสบการณ์การทำประกันกับบริษัทนั้นๆ มาก่อนก็ได้

ประกันอุบัติเหตุ
     ประกันอุบัติเหตุเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ควรจะมี เพราะในกรณีที่คุณเกิดอุบัติเหตุ ประกันจะให้ความคุ้มครองกรณีสูญเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือจ่ายค่าชดเชยจากอุบัติเหตุ ซึ่งในส่วนของค่าชดเชยกรณีเกิดอุบัติเหตุนั้นต้องเลือกที่ดีและสููููููุููููููงๆ เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะทำให้ผู้เอาประกันไม่สามารถประกอบหน้าที่การงานตามปกติได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งหรือตลอดไป ดังนั้นควรจะเลือกบริษัทที่จ่ายค่าชดเชยให้เป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนวงเงินเอาประกัน โดยมีกำหนดระยะเวลาสูงสุด


และนี่ก็คือ ประกันที่คุณควรมีติดตัวเอาไว้ ซึ่งข้อสำคัญสำหรับการทำประกันทุกประเภท คือ เมื่อตัดสินใจทำประกันต้องศึกษาข้อมูลให้ถ้วนถี่ และเลือกเงื่อนไขให้ตรงกับที่คุณต้องการมากที่สุด


ขอขอบคุณ : "พจนี คงคาลัย" คอลัมน์นิสต์ที่เชี่ยวชาญด้านประกัน จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น